Tuesday, January 31, 2006

นี่แหละงาน

ได้เรื่องเลย
เมื่อวานส่งงานอันล่าสุดที่ได้รับมอบหมายไปสดๆ ร้อน
ผ่านไปหนึ่งวันต้นสังกัดก็อีเมลมา เป็นไปตามคาด การส่งงานช้าของเราทำให้เค้าไม่รอทิ้งช่วงหายไปนานๆ เหมือนเคย (ก่อนหน้านั้นส่งงานไปสองครั้ง ตรงตามกำหนดเวลาเป๊ะๆ แต่ก็คอยแล้วคอยเล่ากว่าจะได้คำตอบ และค่าตอบแทน)ก่อนหน้านี้ก็รู้ตัวแหละนะว่าส่งงานช้ากว่ากำหนดไปมากๆ อย่างนี้สงสัยเสียเครดิตแน่ๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ช่วงที่ผ่านมาชีวิตยุ่งเหยิง ยังไงๆ เราก็ต้องเอาเรื่องเรียนมาก่อน รู้แหละว่ามันจะเสียชื่อถ้างานที่รับมาคราวนี้ต้องส่งช้า แต่ถ้าเราทำทีสิสไม่เสร็จ งานชิ้นนี้ก็เสร็จไม่ได้เหมือนกัน

สรุปคือแอบเซ็งน่ะ รู้แหละว่าผิด เข้าใจว่าสภาพการทำงานจริงมันก็อย่างนี้ รับปากเค้ามาก็ต้องทำให้ได้ตามนั้น การได้งานจากโอกาสที่คนอื่นหยิบยื่นให้ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบ เอาเถอะ เตรียมรับกรรมไป เราก็ทำเท่าที่จะทำได้แล้ว เดี๋ยวเค้าปรึกษากันว่าเราจะต้องจ่ายค่าปรับเท่าไหร่แล้วค่อยมาว่ากันอีกที

วันนี้มีแต่เรื่องแฮะ หวังว่าเรื่องวีซ่าของแม่กับพ่อจะเรียบร้อย (ทำไมประเทศนี้มันวุ่นวายอย่างนี่ (วะ)เนี่ย!)

เฮ้อ พอๆ เลิกบ่น

Monday, January 30, 2006

เรียนจบ--แล้วจะทำอะไรต่อ?

เรียนจบแล้ว เย้

วันนี้เป็นวันแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา
ที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่ต้องกังวลว่างานที่ทำค้างอยู่จะเป็นยังไง
ทำไปได้ถึงไหนแล้ว จะส่งทันรึเปล่า
ความรู้สึกโล่งๆ อย่างนี่อยากเก็บไว้นานๆ จริงๆ ให้ตายเถอะ

เมื่อวานส่งงานวิจัยที่รับมาตั้งแต่เดือนพฤษภาปีที่แล้วไปเรียบร้อย
ลากมานานกว่ากำหนดเดิมสองเดือน
หวังว่าคนที่จ้างเราจะให้อภัยเพราะเห็นใจว่าการศึกษาย่อมต้องมาก่อน (พูดเองเออเองทั้งหมดนี่มันเป็นนิสัยของเราไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย)

เวลาหลายๆ เดือนจากที่อัพบล็อกครั้งล่าสุดจนถึงตอนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย น่าเสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้ เป็นนิสัยที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่อีกอย่างของเรา
คือไม่สามารถจะไปทำอย่างอื่นได้ถ้างานตรงหน้ายังไม่เสร็จ
แบบว่าตัดใจทิ้งไปทำอย่างอื่นง่ายๆ ไม่ค่อยได้ ทำได้ทีละอย่าง

แต่คร่าวๆ ก็คือเรียนจบ สอบปากเปล่าไปวันที่ 14 ธันวาคม 2005
คะแนนออกมาก็พอใช้ได้ ไม่มากไม่น้อย
เราว่าก็สะท้อนผลงานที่ออกมาได้ดีในระดับนึงแหละ พอสอบเสร็จวันต่อมาก็เก็บของไปเที่ยวโปรตุเกสกับเทเฮ เป็นการเดินทางสองคนครั้งแรกของเรากับแฟลตเมทที่อยู่กันมาปีกว่าๆ แล้วก็เป็นการเดินทางส่งท้ายก่อนจะแยกย้ายกันไปตามทางด้วย เทเฮจะกลับไปเกาหลีเพื่อเยี่ยมครอบครัวและเก็บข้อมูลสำหรับทีสิส
ส่วนเราก็จะย้ายออก ไปหาที่อยู่ใหม่อีกสามเดือนก่อนจะกลับเมืองไทยซักที

โปรตุเกสสวยมาก เราไปกันทั้งหมดเก้าวันแปดคืน
ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในลิสบอน แต่ก็ไปเมือง Porto สามวันกับเมืองเล็กๆ อีกเมืองที่อยู่ใกล้ๆลิสบอนด้วยแบบไปเช้าเย็นกลับ เป็นประสบการณ์ที่ดี
ได้ไปเห็นอะไรแปลกๆ ใหม่

บรรยากาศของโปรตุเกสแตกต่างไปจากเมืองในยุโรปอื่นๆ ที่เราเคยไปเห็น แบบว่าความเก่าความใหม่ผสมผสานกันออกมาได้อย่างลงตัวจริงๆ แหละ
ไปดูมิวเซียม ไปเดินย่านเก่า ไปกินขนมอร่อยๆ และดื่มไวน์ :) มีความสุขสุดๆ

มีเรื่องแย่อย่างเดียวคือรองเท้าที่ซื้อมาใหม่ (ไม่อยากบอกเลยว่ายี่ห้ออะไร) ทำเราแสบมาก เพราะตลอดแปดวันที่เดินขึ้นเดินลง (ลิสบอนเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเนินเขาน่ะ จะไปไหนก็ต้องเดินๆๆๆ) ตามซอกซอยเล็กๆ เท้าเราระบมเพราะเจ้ารองเท้าคู้ใหม่นั่นแหละ คิดแล้วยังเจ็บเท้าไม่หาย

พอกลับมาจากไปเที่ยวก็ต้องเก็บของกันยกใหญ่ เตรียมย้ายบ้าน
โชคดีมากๆ ที่ Zwischenmieter ที่หาได้ในช่วงสามเดือนก่อนจะกลับเมืองไทยนี่เป็นอพาร์ทเมนท์ที่อยู่ห่างจากตึกเดิมของเราไปแค่บล๊อกเดียว เวลาย้ายของอะไรก็เลยพอจะจัดการด้วยตัวเองได้เป็นส่วนใหญ่
แม้ว่าอะไรหนักๆ จะรอให้เพื่อนมาช่วยขนเมื่อวันสุดท้ายๆ ก็ตาม

การย้ายบ้านเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เราไม่ชอบเลย แต่ต้องทำ
มันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเหมือนกิจกรรมอื่นๆ ที่เราต้องฝึกให้เคยชินน่ะนะ
เหมือนพอโตขึ้นก็ต้องย้านที่ เปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนคนรู้จัก อันไหนใช้ก็เก็บไว้ อันไหนไม่ใช้ก็ทิ้งไปหรือยกให้คนอื่นๆ
พอมีกิจกรรมทำนองนี้มากๆ เข้าก็ทำให้เรารู้จักปล่อยวาง คิดว่าอย่าไปเก็บอะไรไว้มากๆ ดีกว่า เอาเท่าที่จำเป็นต้องใช้ก็พอ (เอ พูดไปพูดมาจะเข้าทางศาสนาไปเรื่อยๆ นะเนี่ย)

นี่ก็อยู่ที่ใหม่มาได้จะครบเดือนแล้ว เร็วดีเหมือนกันนะ ผ่านไปแป๊บๆ ก็หมดไปอีกเดือน
เมื่อวานไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเลย นอนดูหนังอยู่ที่ห้อง สบายๆ วันนี้ว่าต้องออกไปหาเปิดหูเปิดตาซะหน่อย
ใกล้จะกลับแล้ว มีอะไรอีกมากมายยังไม่ได้เห็นไม่ได้ดู